รองศาสตราจารย์วีณา เอี่ยมประไพ
รูปแบบศิลปะทางสถาปัตยกรรมนับเป็นหลักฐานหนึ่งที่ใช้ในการศึกษาเหตุการณ์ความเป็นไปในอดีต
โดยเฉพาะการก่อสร้างศาสนสถานและส่วนที่สัมพันธ์กับสถานบันพระมหากษัตริย์เนื่องจากสอดคล้องกับบริบทสังคมแต่ละช่วงเวลา
ทั้งนี้สถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 6
เป็นสิ่งก่อสร้างในยุคที่สังคมไทยได้รับอิทธิพลจากประเทศตะวันตก
ความเจริญหรือความทันสมัยจึงเป็นเป้าหมายสำคัญของของการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยดังกล่าวเป็นช่วงต่อจากการปรับปรุงประเทศไปสู่ความเป็นสมัยใหม่ตามแบบตะวันตกในสมัยรัชกาลที่
5 มีการก่อสร้างอาคารตามแบบตะวันตกหลายแห่ง
สะท้อนถึงความนิยมที่มีต่อสถาปัตยกรรมแบบจารีตเริ่มเสื่อมคลายลง
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกลับทรงมีพระราชนิยมศิลปะแบบจารีต จึงฟื้นฟูสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมแบบดั้งเดิมอีกครั้งหนึ่ง
โดยระยะต้นเมื่อแรกเริ่มครองราชย์ งานก่อสร้างมีทั้งแบบตะวันตก
ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
และสถาปัตยกรรมแบบจารีต ซึ่งเคยสืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
แต่หมดความนิยมไปในรัชกาลก่อน
การก่อสร้างพระราชวังสนามจันทร์ ที่จังหวัดนครปฐม
มีอาคารสถาปัตยกรรมแบบจารีตที่สมบูรณ์แบบคือพระที่นั่งวัชรีรมยา
พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย
ลักษณะเด่นของพระที่นั่งทั้งสามคือการสร้างหลังคาเช่นเดียวกับยอดปราสาท
ตกแต่งด้วยช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง หน้าบันจำหลักลวดลายอย่างวิจิตรงดงาม ขณะ เดียวกัน
การยอมรับและชื่นชอบในสถาปัตยกรรมตะวันตกที่เป็นไปอย่างแพร่หลายในสังคม
ดังนั้นแม้ว่าพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงมีพระราชดำรัสหลาย
ครั้งว่าสถาปัตยกรรมตามรูปแบบตะวันตก ไม่อาจนำไปอวดแก่ชาวต่างประเทศได้ เนื่องจากมิได้แสดงถึงศิลปวัฒนธรรมไทย (ชาตรี
ประกิตนนทการ, 2550 : 217 )
แต่พระองค์ก็ยังทรงโปรด ฯ
ให้สร้างอาคารแบบตะวันตกในพื้นที่พระราชวังสนามจันทร์ด้วย ได้แก่
พระที่นั่งพิมานปฐม ซึ่งเป็นอาคารแรกที่ก่อสร้างในเขตพระราชวังสนามจันทร์ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์
พระตำหนักมาลีรัตนราชบัลลังก์
พระตำหนักทับขวัญ และพระตำหนักทับแก้ว
พระที่นั่งวัชรีรมยา-พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ในอดีต
ที่มา : สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
|
พระที่นั่งวัชรีรมยา-พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ในปัจจุบัน
ที่มา : ชนะภพ วัณณโอฬาร ถ่ายเมื่อ 28 ธันวาคม 2556
|
นอกจากตำหนักในพระราชวังสนามจันทร์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงโปรดฯ
ให้สร้างอาคารแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกหลายแห่ง
เช่นพระราชวังพญาไทเพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง กลุ่มอาคารในโรงพยาลจุฬาลงกรณ์ บ้านนรสิงห์ ที่สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานแก่เจ้าพระยารามราฆพ
(หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) และบ้านบรรมสินธุ์ เพื่อพระราชทานแก่ เจ้าพระยาอนิรุทธิ์เทวา
(หม่อมหลวงฟื้น พึ่งบุญ)
รูปแบบสถาปัตยกรรมซึ่งแตกต่างจากยุคสมัยที่ผ่านมา
และนับเป็นรูปแบบตามพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ
การประยุกต์แบบจารีตเข้ากับพื้นที่ใช้สอยแบบอาคารตะวันตก ดังจะเห็นได้จากการสร้างอาคารในโรงเรียนมหาดเล็กหลวงซึ่งปัจจุบันคือ
โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย และตึกบัญชาการ
โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบันคือ
อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาพระฤกษ์
โรงเรียนข้าราชการพลเรือน (อาคารมหาจุฬาลงกรณ์) เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2458
ที่มา : สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ |
จากพระราชประสงค์ที่จะให้คงความเป็นไทยในงานศิลปะ การออกแบบสถาปัตยกรรมในช่วงเวลาต่อมาของการครองราชย์ จึงเป็นการนำเอาแนวคิดพุทธศิลป์สถาปัตย์ไทยผนวกเข้ากับอาคารเพื่อประโยชน์ด้านการเรียนการสอน ลักษณะเด่นของความเป็นศิลปะไทยคือ
หลังคาที่มีทั้งแบบซ้อนสองชั้น
และ แบบลดหลั่นสองระดับ ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ นาคสะดุ้ง
พร้อมหน้าบันจำหลักลวดลายไม้แกะสลัก ปูนปั้นอันประณีต มุ่งเน้นงานฝีมือและเชิงช่าง ลักษณะดังกล่าวเป็นสถาปัตยกรรมพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้า อยู่หัว ที่เรียกว่า
สถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ มีทั้งในส่วนพระราชวังและสถานศึกษา แต่ที่มิได้ปรากฏในศาสนาสถานเนื่องจากพระองค์ไม่มีพระราชนิยมให้สร้างวัด เพิ่มมากขึ้น แต่ทรงโปรดฯ ให้สร้างสถานศึกษามากกว่า
การฟื้นฟูสถาปัตยกรรมด้วยการก่อสร้างอาคารรูปแบบศิลปะไทยดังเช่นในอดีต
เป็นไปแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก มิได้รวมถึงคติความเชื่อจักรวาลทัศน์แบบไตรภูมิ การหวนกลับไปสู่สถาปัตยกรรมแบบเดิมหรือการประยุกต์เข้ากับความเป็นตะวันตกเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้ประโยชน์
เป็นการนิยามคุณค่าเชิงสัญลักษณ์ ด้วยต้องการแสดงความเป็นตัวตนว่ามีวัฒนธรรมอันดีงามมาแต่อดีต
และเป็นการเน้นความสำคัญเชิงการช่าง ความวิจิตรอ่อนช้อยทางหัตถศิลป์เพื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์เฉพาะของรูปแบบศิลปะไทย
(ชาตรี ประกิตนนทการ,2550: 214)
เมื่อพิจารณาประเด็นความเป็นสมัยใหม่โดยอ้างอิงกับความเคลื่อนไหวในแวดวงศิลปะของประเทศตะวันตก
ปรากฏว่าช่วงเวลาเดียวกัน สังคมอังกฤษได้หันกลับไปชื่นชมงานช่างฝีมือและงานศิลปหัตถกรรม
อันเป็นการสวนกระแสการผลิตแบบโรงงานอุตสาหกรรม
ซึ่งมีผลให้คุณค่าของงานศิลปะลดลงจากเดิม
ความนิยมต่องานศิลปะแบบดั้งเดิมเป็นไปอย่างกว้างขวางภายหลังการจัดนิทรรศการงานช่างฝีมือและศิลปหัตถกรรม
(Arts and Craft Exhibition) เมื่อ พ.ศ.2531 จึงอาจมีอิทธิพลต่อพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งประทับศึกษาที่ประเทศอังกฤษ
ช่วง พ.ศ. 2436 - 2445 ดังนั้น
การผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบจารีตให้เข้ากับความเป็นสมัยใหม่ก็ด้วยการนิยามหรือสร้างความหมายให้แก่งานศิลปะแบบจารีตว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญในอดีตของสังคมไทย
จากคุณค่าเชิงฝีมืออันวิจิตรงดงาม
โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยสมัยรัชกาลที่ 6
ที่มา
: สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น