วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557

การแสดงและดนตรีสมัยรัชกาลที่ 6

รองศาสตราจารย์วีณา เอี่ยมประไพ

             รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนับเป็นยุคทองของศิลปะด้านการแสดง ทั้งแบบจารีตคือ โขน ละครนอก ละครใน และละครแบบใหม่ซึ่งได้รับอิทธิพลของประเทศตะวันตก อันได้แก่ ละครร้อง ละครพูด ละครดึกดำบรรพ์ ความสนพระทัยของพระองค์ต่องานแสดงนั้น มิใช่เพียงแต่การทอดพระเนตรดังเช่นรัชกาลที่ผ่านมา แต่ได้มีส่วนพระราชนิพนธ์บทละครทั้งภาษาไทย และภาษาต่างประเทศรวมประมาณ 180 เรื่อง (ม.ล.ปิ่น มาลากุล,2518:8) ทรงควบคุมการแสดง และทรงแสดงร่วมด้วย 


1) โขน
            การแสดงโขนเป็นศิลปะขั้นสูงของไทยที่มีมาตั้งแต่อดีตทั้งส่วนของพระมหากษัตริย์และประชาชนทั่วไป พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนับสนุนศิลปะการแสดงโขนด้วยการพระราชนิพนธ์บท ทรงควบคุมการจัดแสดงและฝึกซ้อมด้วยพระองค์เอง เนื่องจากผู้แสดงล้วนเป็นข้าราชบริพารในพระองค์จึงรู้จักกันในนามโขนสมัครเล่น ต่อมาเมื่อผู้แสดงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้สูงขึ้นเป็นลำดับ จึงมีชื่อเรียกว่าโขนบรรดาศักดิ์ ซึ่งเริ่มมีมาตั้งแต่ครั้งยังดำรงตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช   มหาดเล็กในพระองค์ได้รวมตัวกันเล่นโขนเื่อความสนุกสนาน พระองค์จึงทรงโปรดฯ ให้ครูโขนละครจากคณะของเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชรฯ เป็นผู้ฝึกหัด พระองค์ทรงมีพระราชดำริว่าโขนสมัครเล่นสมควรจะแสดงได้ดีกว่าโขนอาชีพ เนื่องจากมีพื้นฐานการศึกษาที่ดีกว่า โดยเทียบเคียงกับประเทศอังกฤษว่ายกย่องศิลปินให้เป็นขุนนาง (วรชาติ มีชูบท, 2553 : 41) การที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนับสนุนการแสดงโขน นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ศิลปะการแสดงให้คงอยู่แล้ว พระองค์ยังได้ทรงใช้ศิลปะการแสดงดังกล่าวในการสอดแทรกพระราโชบายหรือพระราชดำริ โดยเฉพาะโขนซึ่งใช้วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์เป็นหลักในการแสดง มุ่งเน้นความสำคัญด้านคุณธรรมและยกย่องพระมหากษัตริย์ที่เปรียบประดุจสมมติเทพ  


โขนบรรดาศักดิ์ จ้าพระยารามราฆพ (ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ)
2) ละคร
                อิทธิพลของประเทศตะวันตกที่มีต่อศิลปะของไทยในสมัยรัชการที่ 6 ซึ่งเห็นได้อย่างเด่นชัดคือศิลปะการแสดงละคร  โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำแบบอย่างมาเผยแพร่ ทั้งบทละคร วีธีแสดง การวางตัวละครบนเวที การเปล่งเสียงพูด พระองค์ทรงมีบทบาททั้งการพระราชนิพนธ์บทละคร ทรงควบคุมการแสดงและทรงแสดงร่วม  นับเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบความบันเทิงจากสมัยจารีตที่ชนชั้นนำนิยมดนตรีไทยและละครใน  บทพระราชนิพนธ์และการจัดแสดงของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมิใช่เพียงเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงสอดแทรกพระราโชบายที่มุ่งปลูกฝังแก่ประชาชน ดังเช่น เรื่องพระร่วง นับเป็นละครอิงประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงความมีสติปัญญาของพระร่วงต่อการปลดปล่อยดินแดนสุโขทัยให้หลุดพ้นจากอำนาจขอม ขณะเดียวกันก็แสดงถึงความรักแผ่นดินและความจงรักภักดีต่อผู้นำจากบทของนายมั่นปืนยาว โดยพระองค์ทรงแสดงในบทบาทดังกล่าวนี้ด้วย บทละครเรื่องนี้จึงเป็นต้นแบบของละครปลุกใจให้รักชาติ สอดคล้องกับแนวพระราชดำริ เรื่องชาตินิยมซึ่งเป็นพระราโชบายที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของรัชสมัยนี้     ดังเช่นบทร้องในละครเรื่องพระร่วงตอนหนึ่งที่ว่า


                                ...ข้าเจ้าผู้เป็นไทย       จงใจรักและภักดี
                        ต่อองค์พระทรงศรี                สถิตเกล้าเหล่าประชา,
                        ขอนั่งพระสมภาร                  ทุกวันวารขอเป็นข้า,
                        เต็มใจใฝ่อาสา                     ต่อสู้หมู่ไพรี...

                                                               (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว,2515:127)


            ด้วยความเอาพระราชหฤทัยใส่ต่อศิลปะด้านการแสดงโขนละคร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงโปรดฯ ให้จัดระเบียบกรมมหรสพที่เคยมีแต่เดิมตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ใหม่ กล่าวคือ  ในอดีตกรมมหรสพมีหน้าที่เกี่ยวกับการละเล่นของหลวง 5 ประเภทคือ ระเบง โมงครุ่ม กุลาตีไม้ แทงวิสัย และกระอั้วแทงควาย ครั้นถึงรัชกาลที่ 6 ก็ทรงโปรดฯ ให้กรมมหรสพดูแล 4 หน่วยงานคือ กรมโขนหลวง กรมปี่พาทย์หลวง กรมช่างมหาดเล็ก และกองเครื่องสายฝรั่งหลวง ผู้ที่มีความสามารถด้านการแสดงและได้เข้ารับราชการในกรมมหรสพมักเป็นที่ทรงโปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   จึงได้รับการเลื่อนตำแหน่งเร็วกว่าบุคคลอื่น ประกอบกับการใช้จ่ายเงินจำนวนเพื่อจัดการแสดงโขนละคร จึงทำให้เป็นบุคคลกลุ่มหนึ่งไม่พอใจอันเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดความเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมือง

            พระราชกรณียกิจด้านดนตรีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  เป็นส่วนหนึ่งของบทละคร  จากการที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์บทร้องประกอบเนื้อเรื่อง  ทั้งทำนองเพลงไทยและเพลงสากล  นอกจากนี้ยังทรงสนับสนุนและส่งเสริมให้ดนตรีไทยดำรงอยู่และสืบทอดต่อมา  โดยพระองค์ทรงโปรดฯให้มีการสอนและฝึกซ้อมดนตรีไทยควบคู่ไปกับการเรียนการสอนวิชาสามัญ



                                               


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น